ป่าไม้ถูกทำลาย พื้นที่สีเขียวลดลงส่งผลทำให้สัตว์ป่าใกล้ตาย

ป่าไม้ถูกทำลาย พื้นที่สีเขียวลดลงส่งผลทำให้สัตว์ป่าใกล้ตาย

พื้นที่สีเขียวลดลง

เป็นเรื่องที่หน้าเสียใจ ที่เราได้รู้ข่าว ได้ยินข่าวเรื่อง ป่าไม้ถูกทำลาย การตัดไม้แพ้วถางเพื่อทำการเกษตร หรือการทำลายสิ่งแวดล้อมรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยของเรา หรือจะเป็นที่ต่างประเทศนั้น ได้เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับสัตว์ป่าที่ใกล้ตาย และใกล้จะสูญพันธ์ เพราะด้วยโลกของเรา ที่เปลี่ยนไปทำให้ส่งผลกระทบ ตามมาหลายๆอย่าง ไม่ใช่แค่กับมนุษย์ ที่เริ่มรู้สึกร้อน และเป็นโรคภัยต่างๆเพิ่มขึ้น และนับประสาอะไร กับสัตว์ที่มีชีวิตเหมือนมนุษย์ แต่สัตว์ป่าพวกนี้ มันไม่ใช่มนุษย์ มันไม่รู้จักวิธีการเอาตัวรอดอย่างมนุษย์เรา ถึงจะเอาตัวร้อนตามสัญชาตญาณแล้วนั้น ก็อาจจะไม่พ้นความตายเหมือนเดิม เพราะพื้นที่สีเขียวนั้น มีประโยชน์กว่าที่ทุกคนคิด จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราจะต้องช่วยกัน แก้ไขปัญหาโลกร้อน โดยการช่วยกันปลูกต้นไม้ หรือช่วยกันอนุรักษ์ต้นไม้ก็ได้

สัตว์ป่าที่กินพืช เป็นอีกหนึ่งอย่าง ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะสัตว์ป่าชนิดนี้ นั้นจะต้องกินพืชเป็นอาหาร จะอยู่ในป่า ซึ่งป่านั้น ก็มีแต่พืชพันธุ์ที่พวกมันชอบทั้งนั้น แต่ตอนนี้พื้นที่สีเขียว ได้ลดลงไปมาก ซึ่งสัตว์ป่าเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ ที่ช่วยทำให้โลกของเรานั้น มีความสมดุล แต่ในปัจจุบันนั้น นับวันสัตว์ค่อยๆ ถูกทำลายไปจนจะสูญพันธุ์เต็มที่ แต่ยังมีบางหน่วยงาน ที่ออกมาช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ป่า ไม่ให้สูญพันธุ์แล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก อยู่ดีหากเราจะรักษา ไม่ให้สัตว์ป่านั้นสูญพันธุ์จริงๆ เป็นเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง ที่ทำให้โลกของเราเปลี่ยนไป และด้วยสภาพอากาสที่ย้ำแย่ลงทุกวัน ต่อจากนี้ คงจะเป็นการเอาตัวรอดของสัตว์ ก็คือจะมีการวิวัฒนาการ พัฒนาไปเรื่อย ๆ เพราะพวกมันก็กลัวตายเหมือนกัน พวกมันไม่สามารถฆ่าตัวตาย หรือตรอมใจตาย เหมือนมนุษย์เราไม่ได้หรอกนะ นอกเสียใจว่า พวกมันจะเปลี่ยนจากกินพืช มาเป็นกินเนื้อกันเองก็เท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า โลกได้มาถึงจุดที่หน้ากลัวแล้ว เพราะพวกมันกิน แต่พืชผักมาตั้งแต่สมัยกี่พันปีมาแล้ว กลับต้องมาเปลี่ยน วิธีการกินใหม่โดยการกินเนื้อ คงจะเป็นเรื่องยากหน้าดู เพราะถ้าจะให้เปรียบเทียบ กับมนุษย์เราแล้วนั้น ก็เหมือนกับการที่มนุษย์จะต้องอดอาหาร ไม่ได้กินอาหาร สุดท้ายก็จะหิวจนตาย แต่ก่อนที่เราจะตาย เราก็คงต้องหาทางเอาตัวรอด ก่อนที่จะตายโดยการยื้อเวลาไว้ อย่างการกินฉี่ตัวเอง ซึ่งคงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ที่ทุกคนจะทำมัน และก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นจริงๆ เราคงไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นกับเรา และก็ไม่ควรเกิดขึ้นกับสัตว์ป่าด้วยเช่นกัน

และผลกระทบต่อมา ที่สัตว์ขั้วโลกจะต้องเผชิญ ถึงแม้จะเป็นขั้วโลก ที่หนาวแต่เราคงไม่คาดคิดว่า มันจะละลายได้ ซึ่งการละลายของน้ำแข็งนั้น เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะทำให้ น้ำทะเลสูงขึ้นแล้วนั้น จากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ยังทำให้มีพยาธิในปลา ของขั้วโลกเหนือเพิ่มมากขึ้น เพราะแต่ก่อนนั้นพยาธิในตัวปลานั้น ไม่เคยมีอยู่เลย หรืออาจจะมีอยู่ แต่เทียบจะหาไม่ได้เลย และนั้นเป็นการบอกว่าสภาวะโลกร้อน จะยิ่งทำให้พยาธิในตัวปลานั้น มากขึ้นกว่าเดิม อีกหลายเท่า คงจะไม่มีใครกินปลาแล้ว ในอนาคตอีกไม่ไกล และนอกจากจะทำให้ มีพยาธิในปลาเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังทำให้นกแพนกวิกนั้น มีอัตราการรอดชีวิตน้อยลงอีกด้วย เพราะการหาอาหารของพวกมันนั้น ทำได้ยากกว่าเดิม เพราะเวลาที่มันมีลูก และมันจะต้องออกไปหาอาหาร ซึ่งจะต้องใช้เวลานาน เพราะอาหารได้หายากมากขึ้นกว่าเดิม แต่มันจำเป็นต้องหามาให้ลูก และตัวมันกิน ส่งผลทำให้ลูกของมันต้องอยู่ลำพังเป็นเวลานาน ทำให้ลูกของมันตายได้

ปลูกต้นไม้ หนึ่งต้นก็ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้กับโลกได้แล้ว

ปลูกต้นไม้ หนึ่งต้นก็ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้กับโลกได้แล้ว

ปลูกต้นไม้
ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว

กระแส ปลูกต้นไม้ กำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้ นอกจากจะได้ประโยชน์ในเรื่องของความสวยงาม มีไว้ถ่ายรูปสวยๆลง IG Facebook แล้ว การปลูกต้นไม้ไว้ในที่ทำงานนั้นยังช่วยทำให้ผ่อนคลาย ช่วยคลายเครียด และมีประโยชน์ต่อการทำงานของสมองอีกด้วย จึงเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ คือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับออฟฟิศของเรา โดยการปลูกต้นไม้แค่หนึ่งต้นวางไว้ที่โต๊ะทำงานก็สามารถทำให้เรามีความสุขกับการทำงานมากเพิ่มขึ้นแล้ว

และยังมีการวิจัยจากหลายที่ทั่วโลกเกี่ยวกับเรื่องของการ ปลูกต้นไม้ ไว้ในออฟฟิศนั้นช่วยทำให้พนักงานอารมณ์ดีมากขึ้น โดยพบว่าการปลุกต้นไม้ต้นเล็กๆหนึ่งต้นวางไว้ที่โต๊ะทำงานนั้นก็สามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้แล้ว โดยวิจัยจากบริษัทแห่งหนึ่ง มีพนักงานทั้งหมด 120 คน โดยวัดระดับความเครียดจากการปลูกต้นไม้ไว้ที่โต๊ะส่วนหนึ่งและวัดระดับความเครียดสำหรับโต๊ะที่ไม่มีต้นไม้ปลูกอยู่ส่วนหนึ่ง ผลออกมาว่า พนักงานในส่วนที่ไม่มีต้นไม้ปลูกอยู่นั้นมีความเครียดมากกว่าคนที่ปลูกต้นไม้ จึงทำให้มีการรณรงค์ช่วยกันปลูกต้นไม้เพิ่ม เพื่อลดอากาเครียดของพนักงานภายในบริษัท

ประโยชน์ของต้นไม้นั้นจะช่วยฟื้นฟูความสนใจและอารมณ์ คือ การสร้างความสนใจจากงานที่เราทำ เพราะเราทำงานอยู่กับโต๊ะตลอดเวลา โฟกัสสิ่งเดิมเป็นเวลานานๆ จะทำให้สมองคนเราเกิดอาการเหนื่อยล้า เบื่อหน่าย เพราะสมองของเรานั้นมีการประมวลผลอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความเครียดสะสม ซึ่งร่างกายต้องการ การฟื้นฟูเพื่อให้มีความสนใจมากขึ้น และการผ่อนคลายจากธรรมชาติจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้ผล เพราะธรรมชาตินั้นส่วนใหญ่จะดึงดูดความสนใจในลักษณะของความรื่นรมย์ ทำให้จิตใจของเราสามารถพักผ่อนได้ ทำให้ระดับความตั้งใจ และสมาธิ ได้รับการฟื้นฟูให้ดีขึ้น โดยงานวิจัยบอกว่าเพียงแค่ดูรูปต้นไม้แค่ 30 นาทีก็ช่วยทำให้สมองผ่อนคลายได้แล้ว

ต้นไม้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเราได้ เพราะด้วยการปลูกต้นไม้นั้นทำให้เราอารมณ์ดีมากขึ้น ทำให้เราผ่อนคลายจากความเครียดมากขึ้น จึงส่งผลทำให้สมองของเรานั้นผ่อนคลายตามลงมา ผลของมันคือ ทำให้เราอยากจจะทำงานมากขึ้น ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือสมองตัน และยังช่วยทำให้มีสมาธิในการโฟกัสเรื่องงานมากขึ้นอีกด้วย

ซึ่งการปลูกต้นไม้หรือการสร้างพื้นที่สีเขียวภายในออฟฟิศของเรานั้นก็ไม่อยากเลย คือ หาต้นไม้ที่เล็กกระทัดรัดสัก 2-3 ต้นมาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ตกแต่งด้วยตุ๊กตาแต่งสวนสักเล็กเพื่อเพิ่มความสนใจมากขึ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยทำให้เราผ่อนคลายได้แล้ว

และในปัจจุบันนี้ในหลายๆบริษัทนั้นก็มีการสร้างพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้นแล้ว เพราะต้นไม้นั้นสามารถช่วยทำให้พนังงานในบริษัทนั้นผ่อนคลายและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยการสร้างพื้นที่ส่วนรวมนั้นให้มีต้นไม้มากขึ้น อย่างเช่นบริเวณที่นั่งพักของพนังงาน จะมีการตกแต่งอย่างเป็นธรรมชาติโดยเพิ่มต้นไม้ที่สามารถปลูกไว้ในอาคารได้ และต้นไม้บางชนิดนั้นยังช่วยฟอกอากาศได้ด้วย พื้นที่ในห้องน้ำ มีการตกแต่งด้วยต้นไม้เลื่อยที่ชอบความชื้น จะช่วยให้ลูกรู้สึกเย็นสบายผ่อนคลาย และทำให้สดชื้นขึ้นด้วย

แต่ในประเทศไทยของเรานั้น พื้นที่สีเขียวยังต่ำกว่าเกณฑ์ เพราะโดยปกติแล้วพื้นที่สีเขียวนั้นควรมีพื้นที่สีเขียวอยู่ที่ 9 ตารางเมตร/คน เพราะมีการวิจัยบอกแล้วว่าประเทศไทยนั้นมีพื้นที่สีเขียวแค่ 6.4 ตารางเมตร/คนเท่านั้น เห็นอย่างนี้แล้วจะต้องมีการเร่งให้มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้นแล้ว เพื่อช่วยให้ทุกคนนั้นทำงานได้อย่างมีประสทธิภาพ และไม่เครียดเกินไปนั้นเอง

ตัวอย่างการเพิ่ม พื้นที่สีเขียว ในประเทศญี่ปุ่น

ตัวอย่างการเพิ่ม พื้นที่สีเขียว ในประเทศญี่ปุ่น

พื้นที่สีเขียว
ตัวอย่างการเพิ่ม พื้นที่สีเขียว

พื้นที่สีเขียว ในตอนนี้ทุกประเทศ กำลังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพราะ ตอนนี้โลกช่างร้อนกว่า แต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด ร้อนแค่ไหนนะหรือ เวลา 07:30 นี้แดดก็ออกเปรี้ยงๆ สามารถทำให้คนละลายได้แล้ว อากาศร้อนแบบนี้ ก็จะชวนให้ใครหลายๆคนนั้น มีอารมณ์กันแต่เช้า เพราะเพิ่งจะอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ ก็เหงื่ออีกแล้ว มันเป็นเรื่อง ที่น่าหงุดหงิดมากเลยทีเดียว หลังจากออกจากบ้าน เพื่อไปที่ทำงาน หรือไปโรงเรียน นั้นยิ่งร้อนกว่าเดิม ทำให้ชีวิตในหนึ่งวันนั้น กลายเป็นเรื่องหน้าเบื่อ สำหรับใครหลายๆคน ขนาดในประเทศ ที่มีอากาศหนาวยังร้อนขึ้นมาก จะนับประสาอะไร กับประเทศที่ร้อนอยู่แล้ว ยิ่งดูข่าวว่า แถบขั้วโลกนั้น ได้มีน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นอีก ก็ดูออกแล้วว่า โลกเรานั้นเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เพราะฉะนั้น ก่อนที่มันจะสายเกินไปมากกว่านี้ เราก็ควรจะช่วยกัน สร้างสิ่งที่มันเคยมีอยู่ บนโลกของเราอย่างมากมาย ให้กลับมาเหมือนเดิม อย่างเช่นต้นไม้ ที่มีจำนวนลดลง อย่างน่าตกใจ เราควรมาช่วยกัน กอบกู้ต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมดีกว่า

โดยในบทความนี้ จะขอยกตัวอย่าง มาจากบริษัทหนึ่ง ที่ได้มีการปรับปรุง และวางแผนที่จะเพิ่ม พื้นที่สีเขียวให้มีมากขึ้น ซึ่งบริษัทนี้ เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ ในประเทศญี่ปุ่น เขาได้ออกมาเป็นบริษัทตัวอย่าง ที่ทำให้หลายๆบริษัทนั้น เริ่มมีความกระตือรือร้นมากขึ้น คือ สร้างทุกส่วน ของบริษัทให้มีระบบนิเวศน์ ที่ดีมากขึ้น โดยการปลูกต้นไม้ ทุกซอกทุกมุมเท่าที่จะปลูกได้ อย่างเช่น บริเวณทางเข้าบริษัทนั้น โดยปกติทั่วไป คงจะเห็นว่าเป็นลานกว้าง ที่อาจจะตกแต่งแค่น้ำพุเพิ่มเข้ามา และเน้นเป็นลานจอดรถกว้างๆ อย่างห้างสรรพสินค้า แต่บริษัทนี้ ได้เปลี่ยนจากลานกว้าง ให้เป็นสวนสาธารณะ ขนาดย่อมๆไว้ สำหรับพนักงานของบริษัทเท่านั้น คือ มีการปูพื้นหญ้าแท้ๆ ในบริเวณกว้าง และมีการขุดหลุมใหญ่ เพื่อนำต้นไม้ใหญ่ หลายๆต้นมาปลูก และทำที่นั่งเล่นล้อมรอบต้นไม้ ให้เสริมเติมแต่งด้วยต้นไม้ขนาดรถ อย่างเช่น ต้นเฟิร์น มีการทำร่ม ด้านบนโดยการสร้างโครงเล็ก ตามลำต้นไม้ และปลูกต้นไม้เลื้อย เพื่อบดบังแสงแดด มีการตกแต่งกิ่งให้สวยงาม และมีการทำแบบนี้หลายๆต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้น่าอยู่มากขึ้น

จากนั้นก่อนที่จะเดินผ่าน เข้าประตูบานใหญ่ของออฟฟิศ ซึ่งจะเป็นประตูกระจกใส่บานเลื่อน มีการตกแต่งอุโมงค์ต้นไม้ ขนาดไม่ใหญ่มาก ตกแต่งด้วยต้นไม้เลื้อย หลายๆพันธุ์ มีการวางหินแผ่น ที่ทางเดิน เพื่อทำให้ไม่รกจนเกินไป และมีกฎที่เข้มงวดเพิ่มขึ้น คือ ในโต๊ะทำงานของพนักงานทุกคนนั้น จะต้องมีต้นไม้ ประกอบอย่างน้อยสองต้น ซึ่งต้นไม้เหล่านี้ จะช่วยให้พนักงานในบริษัทนั้น มีความผ่อนคลายสดชื่น ในการทำงานอีกด้วย บริเวณภายในตัวออฟฟิศนั้น ก็ยังมีต้นไม้ เป็นองค์ประกอบหลักเช่นกัน บริเวณในลิฟต์นั้น ได้มีการนำต้นไม้ขนาดเล็ก แต่เป็นต้นไม้เลื้อย ที่สามารถอยู่ในร่มได้ และไม่ชอบน้ำมากนัก ทำให้ลิฟต์นั้น ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในส่วนของบันไดเลื่อน ก็ตกแต่งด้วยต้นไม้ ที่หลายกหลายเช่นกัน จะเรียกว่า เป็นบันได้เลื่อนกลางป่าก็ได้ เพราะบริเวณข้างๆ บันไดเลื่อนนั้น มีต้นไม้ใหญ่อยู่หลายต้น เรียงรายต่อๆกัน อย่างเป็นระเบียบ มีดินจริงๆเพื่อช่วยให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยบริษัทนี้นั้น จะมีการปูพื้น เพียงบริเวณทางเดินเท่านั้น แต่ในบริเวณอื่นๆ จะเป็นดินทั้งหมด ซึ่งเสริมสร้างความเป็นธรรมชาติ ได้มากขึ้นทีเดียว และบริเวณภายในห้องประชุมนั้น มีการปรับปรุงแก้ไขไอเดียเพิ่มขึ้น โดยการประชุมกลางป่า เหมือนเรานั่งอยู่ร้านคาเฟ่กลางป่า ที่มีโต๊ะยาวขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางห้อง มีโปรเจ็กเตอร์ที่ทันสมัย เพียงแค่มีการตกแต่งต้นไม้เท่านี้ ก็สามารถช่วยทำให้มีพื้นที่สีเขียว เพิ่มมากขึ้นแล้ว

อ่านจบทำให้นึกถึงหลายๆออฟฟิศสำนักงาน ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ปูน กระเบื้อง มองไม่เห็นธรรมชาติ ขาดความมีชีวิตชีวาไปเลย ออฟฟิศสำนักงานไหน จะลองนำไปปรับใช้ดู กับตัวอย่างของการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ ก็ยินดีมากมาย